วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Grand Canyon

        สำหรับวันนี้ครับ เดี๋ยวเรามาเปลี่ยนบรรยากาศท่องเที่ยวจากในเมืองมาเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นอีกสถานที่ ที่ทุกคนคุ้นหูกันดี ซึ่งมีชื่อก้องไปทั่วโลกนั่น คือ แกรนด์แคนยอนนั่นเองครับ

   Grand Canyon

        
               แกรนด์แคนยอน ตั้งอยู่ที่มลรัฐอะริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งสถานที่นี้ถือเป็นความมหัศจรรย์แห่งหนึ่งของโลกและวนอุทยานแห่งชาติ ซึ่งถูกจัดให้เป็นหนึ่งในอนุรักษ์สถาน โดยตามสภาพภูมิศาสตร์และการลงมติของสหประชาชาติ สำรวจพบสถานที่แห่งนี้ เมื่อปี ค.ศ.1776 เป็นปีเดียวกับที่อเมริกาประกาศเอกราชจากอังกฤษ 

      แม่น้ำที่ไหลผ่านแกรนด์แคนยอน เป็นแม่น้ำที่ชื่อว่า แม่น้ำโคโลราโด ไหลจากทิศเหนือไปใต้สู่ทะเลสาบมิ๊ด ระยะทางประมาณ 200 ไมล์  แม่น้ำสายนี้ทำให้เกิดแกรนด์แคนยอน ซึ่งแม่น้ำสายนี้ทำให้เกิดการสึกกร่อนและพังทลายของหินเป้นเวลา 225 ล้านปีมาแล้ว เดิมทีแม่น้ำโคโลราโดมีสภาพเป็นลำธารเล็กๆที่ไหลคดเคี้ยวไปมา
      แต่ต่อมาพื้นโลกเริ่มยกตัวสูงขึ้น อันเนื่องมาจากแรงดันและความร้อนอันมหาศาลภายใต้พื้น การยกตัวของแผ่นดิน ทำให้ทางที่ลำธาร ไหลผ่านลาดชันขึ้นและทำให้น้ำไหลแรงมากขึ้น พัดเอาทรายและตะกอนไปตาม และเกิดการกัดเซาะ จนเป็นร่องลึกสลับซับซ้อนนานับล้านปี ซึ่งมีหน้าผาสูงถึง 1,600 เมตร และหุบเหวสูงถึง 450 กิโลเมตร
      แล้วก็สำหรับไฮไลท์ของแกรนด์แคนยอนในตอนนี้เลยก็คือ ทางเดินลอยฟ้า (Skywalk) นั่นเองครับ


        ทางเดินลอยฟ้ากระจกใสที่แกรนด์แคนยอน ได้เปิดให้แก่นีกท่องเที่ยวได้มายลโฉมความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้

        ทางเดินดังกล่าวเป็นรุปตัวยู อยู่สูงจากฐานของภูเขาหินทรายแห่งนี้ขึ้นไป 1,220 เมตร ยื่นออกจากหน้าผาไผ 20 เมตร สามารถต้านทานแระแสลมที่มีกำลังแรงกว่า 161 กิโลเมตร\ชั่วโมง และแผ่นดินไหวขนาด 8 ริกเตอร์   สามารถรองรับได้ 120 คน เก็บค่าธรรมเนียมคนละ 25 ดอลลาร์สหรัฐฯ



         ทุกๆปี จะมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมความมหัศจรรย์ของแกรนด์แคนยอนไม่ต่ำกว่าสองล้านคน มีทุกเพศทุกวัย นักท่องเที่ยวท่านไหนที่มีความชื่นชอบความมหัศจรรยืทางธรรมชาติก็อย่าพลาดเลยทีเดียวนะครับ  จองตั๋วเครื่องบิน และ จองที่พัก กันได้เลย...อย่าลีลาช้าครับ เดี๋ยวจะไม่อัพเดททันเขา หุหุ
หรือน้องๆบางคนจะไปในรูปแบบ Work and Travel ก็ดีนะครับ ทำงานที่นั่นเที่ยวนั่นให้คุ้มเลย

       




วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2554

POPULAR FAST FOOD

      ที่สหรัฐอเมริกามีอาหารหลายร้อยชนิดให้เลือกทาน มากมายนะครับ แต่ในบางครั้งสำหรับชิวิตที่รีบเร่งอยากชาวอเมริกันเนี่ย ที่ต้องแข่งกะเวลาอย่เสมอๆ บางทีอาจจะไม่มีเวลานั่งชิวๆนานสักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นอาหารที่จะเลือกทานเนี่ยก็ง่ายๆและอร่อยๆ

      อาหารที่มักจะพูดเห็นอยู่ทั่วถูกที่ในอเมริกา จึงหนีไม่พ้นอาหารจำพวก FAST FOOD !!! ซึ่งถ้าพูดถึงร้านอาหาร FAST FOOD ในอเมริกันแล้ว เราก็น่าจาคุ้นหูกันดี นั่นคือ McDonalds นั่นเองครับ

 McDonalds

           ก่อนอื่นเลยเดี๋ยวเรามาทำความรู้จักกับร้านอาหารนี้กันนิดนึงเนอะว่ามีที่มาที่ไปยังไง

           แมคโดนัลด์เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเครือร้านอาหารจานด่วนที่ใหญ่ที่สุดในโลก

           พี่น้องดิ๊กและแมคโดนัลด์ คือผู้ที่ริเริ่มเปิดร้านแฮมเบอเกอร์ที่มีชื่อว่า "แมคโดนัลด์" แต่มะใช่ร้านซื้อแล้วนั่งกินเลยนะครับ จะเป็นในลักษณะแบบไดรฟ์ทรู(ขับรถผ่านมาซื้อ โดยที่ไม่ต้องลงจากรถนั่นเอง) ในซานเบอร์นาร์ดิโน ซึ่งเป็นเมืองๆเล็กเมืองหนึ่งในรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่ต่อมาเนี่ยก็ได้ขายกิจการต่อให้กับ นายเรย์มอนด์ อัลเบิร์ด คร็อก เพื่อขยายสาขาต่อๆมา

             ปัจจุบันนี้แมคโดนัลด์มีสาขามากกว่า 30,000 สาขาใน 121 ประเทศทั่วโลก ซึ่งก็ประเทศไทยด้วยนั่นเอง ซึ่งสาขาแรกในประเทศไทยเรา เปิดที่ ห้างโซโกหรืออัมรินทร์ พลาซ่า ชั้น1(ถ.เพลินจิต, เขตปรทุมวัน) ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ยังเปิดกิจการอยู่ครับ


             อาหารหลักที่ขายทั่วไปในแมคโดนัลด์นั่นคือ แฮมเบอร์เกอร์ ชีสเบอร์เกอร์ เฟรนช์ฟราย ไก่ทอด สลัด ชุดอาหารเช้า ชุดอาหารสำหรับเด็กชื่อ แฮปปี้มีล และของหวานอีกหลายชนิด เช่น ไอศกรีม เป็นต้น

            แต่ช่วงหลังนี้เราอาจจะพบว่าแมคโดนัลด์เนี่ยได้มีรูปแบบของการบริการเครื่องดื่มเพิ่มมา ใช้ชื่อว่า McCafé
                ถึงแม้ว่าจะสูตรอาหารเดียวกันนะครับ แต่ไม่รู้นะบางทีรสชาติก็ต่างกันเล็กน้อยนะครับแต่ละสาขา LoL ถ้าเป็นไปได้อยากจะไปลองสถานที่ต้นตำรับที่มาที่สหรัฐอเมริกาเลยก็ดีนะ 555+ จองตั๋ว จองที่พัก ไปกันเถอะครับพี่น้องครับ ถือโอกาสท่องเที่ยวไปในตัวเลยละกัน แต่จะว่าไปแล้วตัวเราตอนนี้ก็เรียนจบแล้ว น่าอิจฉาเสียดายน้องๆที่มีโอกาสได้ไป Work and Travel ทำงานที่นั่นได้กินฟรีด้วย เงินกะดี 555+


วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Food Lion

         ไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกาจะหาที่ซื้อของ ที่หาง่ายๆ สะดวกๆ จะหาได้ที่ไหนดีนร้า....?!! บทความวันนี้มีคำตอบให้ผู้อ่านทุกท่านเลยครับ

          คำตอบก็อยู่ที่topicเลยจ้า "Food Lion" นั่นเองครับ.. ^^ เดี๋ยวเรามาทำความรู้จักกับแหล่งชอปปี้นี้กันก่อนที่เราจะไปชอปปิ้งกันดีกว่า

                                                           - Food Lion -

           
     จะเป็นลักษณะห้างสรรพสินค้าขนาดย่อมตามเมืองต่างๆนั่นเองครับ ซึ่งมีทุกสิ่งอย่างที่สามารถจำเป็นในชิวิตประจำวันเลยทีเดียว
  
     ที่ Food lion เนี่ยนะครับ มีสาขาที่เยอะมากกก...มากถึง 1,300 สาขาเลยทีเดียวในทุกๆรัฐของอเมริกาและประเทศอื่นๆ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยุ่ที่ Salisbury, North Carolina ครับ ได้ถูกสร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ.1957 
         สินค้าที่มีอยู่ใน Food Lion นั่นมีอยุ่หลากหลายหมวด อาทิเช่น Meat, Seafood, Produce, Produce, Deli & Bakery, Wine corner, Natural & Organic, Pharmacy, Baby care, Pet care, Gift Center, Special Order และอื่นๆ

        ส่วนมากเนี่ย คนไทยเราเมื่อไปอเมริกา ก็คงไม่พลาด Food Lion กันหรอกครับ โดยเฉพาะ นศ.ไทยเราที่แลกเปลี่ยนหรือWork and Travel ไปก็จะไปตุนเสบียงและข้าวของเครื่องใช้กันที่นี่แหละครับ
        แต่บางทีถ้าไปก็เจอ นศ.ไทย เราไป Work and Travel กันที่ Food Lion กันเยอะเหมือนกันนะครับ
  
       อ่านแล้วอยากไปชอปปิ้งกันที่นี้นะครับ ก็อย่าปล่อยเวลาเดินเสียเปล่า จองตั๋ว จองที่พัก กันสำหรับแผนต่อไปเลยครับ ^^

         ขอเสริมนิสสสนึงครับ นอกจาก Food Lion แล้วเนี่ย ก็ยังมี Walmart , Gap outlet และอื่นๆมากมายครับ ^^




วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Six Flags

      สำหรับบทความนี้ครับ เรามาหาอะไรที่ตื่นเต้นๆๆกันกันดีกว่า ซึ่งดูจากรูปแล้วเนี่ยก็น่าจะพอเดาๆกันออกแล้วว่า สถานที่ท่องเที่ยวในวันนี้คือ ที่ไหนครับ^^

      สถานที่ท่องเที่ยวที่จะมาแนะนำกันวันนี้ก็คืออออออออออ สวนสนุก(Amusement Park)นั่นเองครับ

     สวนสนุกนี้มีชื่อว่า "Six Flags" หลายๆคนอาจจะเคยได้ยินหรือคุ้นหูกันมาบ้างนะครับ ซึ่งเป็นสวนสนุกที่มีชื่อเสียงและใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา 


สวนสนุกแห่งนี้มีกระจัดกระจายอยู่ทั่วอเมรbกาเลยกะว่าได้ ไม่ว่าจะเป็น
California
     - Six Flags Discovery Kingdom, Vallejo - near San Francisco
     - Six Flags Magic Mountain, Los Angeles
     - Six Flags Hurricane Harbor, Los Angeles
Georgia
     - Six Flags Over Georgia, Atlanta
     - Six Flags White Water, Atlanta
Illinois
     - Six Flags Great America, Chicago
Maryland
     - Six Flags America, Baltimore/Washington, DC
Massachusetts
     - Six Flags New England, Springfield
Missouri
     - Six Flags St. Louis
New Jersey
     - Six Flags Great Adventure, Jackson                          
     - Six Flags Hurricane Harbor, Jackson
     - Six Flags Wild Safari, Jackson
New York
     - The Great Escape & Splashwater Kingdom, Lake George
     - Six Flags Great Escape Lodge & Indoor Waterpark, Lake George
Texas
     - Six Flags Fiesta Texas, San Antonio
     - Six Flags Over Texas, Arlington - between Dallas and Ft. Worth
     - Six Flags Hurricane Harbor, Arlington - between Dallas and Ft. Worth
      
      ไม่ต้องแปลกใจเลยทีเดียวทำไมคนอเมริกันถึงเที่ยวสวนสนุกไทย เพราะไทยเรามีเพียง Dream World, Bangkok ของ Six Flags มีทั้งหมด 17 สาขาและยังมีที่ Canada และ Mexico อีกด้วยนะครับ
ซึ่งนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกก็ต่างแห่กันไปเพื่อทีจะได้เล่นเครื่องเล่นและสัมผัสความตื่นเต้นและหวาดเสียวสุดๆๆกับที่นี่ ที่ Six Flags

    เครื่องเล่นใน Six Flags นี้นะครับมีมากมายหลายแบบเลย อย่างเช่น BATMAN The Ride, Déjà Vu, Goliath, Colossus, FOGHORN LEGHORN’S Barn and Railway และอื่นๆอีกมากมายเลยครับ

     ส่วนเรื่องของราคานะครับ ถ้าราคาปกติเนี่ย
ผู้ใหญ่ $59.99
เด็ก $34.99
    
    
      และก็ถ้าไปเป็นกลุ่ม(ไม่ต่ำกว่า10) ก็จะได้ราคาที่ถูกลงนะครับ $25.50
   
     ส่วนอื่นๆกะเป็นค่าจอดรถและค่าอาหาร-เครื่องดื่มครับ

      แต่จะมีกรณีนึงนะครับ ซึ่งรู้มาจากเพื่อนๆหลายคนนะครับว่า ถ้าเราไป Work and Travel เนี่ยก็จะได้เล่นเครื่องเล่นต่างๆๆพวกเนี่ยฟรี!!! ทั้งหมดเลยนะครับ แล้วยังซื้อของได้ส่วนลดเป็นพิเศษออีก ซึ่งฟังแล้วอยากไป Work and Travel กะเขามั่ง ถ้าบ้านเรามีแบบนี้มั่งคงจะดีไม่น้อยเนอะ...

      ถ้ามีโอกาสก็อย่าพลาดนะครับ หาเวลายามว่างหรือช่วงวันหยุดยาวๆพาครอบครัวหรือแฟนไปเที่ยวสวนสนุกกันดีกว่าครับ เปลี่ยนบรรยากาศกันบ้าง ^^ รีบจองตั๋วเครื่องบิน-จองที่พักกันให้พร้อมเลยนะครับ...แล้วลุย

วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2554

สถานที่ท่องเที่ยวน่าใจในUSA

       เมื่อไปถึงสหรัฐอเมริกา สถานที่ที่นึงที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งเลยก็คือ อนุเสาวรีย์เทพีเสรีภาพ/Statue of Liberty ด้วยความอลังการและปาติมากรรมชั้นยอดของโลก ชวนให้ผู้คนหลงใหลและอยากจะสัมผัสด้วยสายตาของตนเองเป็นแน่แท้

      และนั่นก็คือสถานที่ท่องเที่ยวจะมานำเสนอกันวันนี้ครับ.......
                             อนุเสาวรีย์เทพีเสรีภาพ/Statue of Liberty


       อนุเสาวรีย์เทพีเสรีภาพเป็นอนุเสาวรีย์ที่มีคุณค่าทั้งทางประวัติศาสตร์และหัวใจของชนชาวอเมริกันเป็นอย่างมาก เพราะเทพีเสรีภาพที่เราเห็นยืนตระง่านอยู่ ณ เกาะเบคโล ปากอ่าวแมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก นั้นเป็นสัญลักษณ์ "เสรีภาพ" ของชนชาวอเมริกันนั่นเองครับ เพราะฉะนั้นนี่มันจึงถูกเรียกว่า Statue of Liberty แต่ว่ามีชื่อเก่าด้วยนะครับ เดิมมีชื่อว่า Liberty Enlightening the World ตัวเทพีสูง 152 ฟุต แขนแต่ละข้างยาว 42 ฟุต เล็บนิ้วชี้ยาว 8 ฟุต เล็บนิ้วยาว 10-13 นิ้ว ยืนบนฐานสี่เหลี่ยมสูง 150 ฟุต ซึ่งจุดไฮไลท์เลยของที่นี่คือการขึ้นไปชมวิวบนส่วนมงกุฏของเทพีนั่นเองครับ !!

       เทพีเสรีภาพนี้หลายๆคนอาจคิดว่าอเมริกาเป็นคนสร้างเอง แต่แท้จริงแล้วนะครับ มันคือของขวัญอันยิ่งใหญ่ของประเทศฝรั่งเศส ที่มอบให้แก่ชาวอเมริกัน เมื่อวันที่ 4 กรกฏาคม ค.ศ. 1876 ซึ่งเป็นวันฉลองวันชาติครบรอบ 100 ปี แต่ยิ่งไปกว่านั้นครับ สาเหตุที่แท้จริงนั้นก็คือ ชาวฝรั่งเศสชื่นชมในความหาญกล้าของชาวอเมริกัน ที่ลุกขึ้นต่อสู้กับสหราชอาณาจักร และ ประกาศอิสรภาพจนสำเร็จจนได้เป็นประเทศเอกราชในที่สุด

        เทพีเสรีภาพ เป็นปาติมากรรมโลหะสำริด รูปเทพีห่มเสื้อคลุม มือขวาชูคบเพลิง มือซ้ายถือแผ่นจารึกคำประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ และมีอักษรภาษาอังกฤษและตัวเลขโรมัน "JULY IV MDCCLXXVI" แปลว่า 14 กรกฏาคม ค.ศ.1876 และ เท้าข้างหนึ่งมีโซ่ที่ขาดอยู่ แสดงถึงความหลุดพ้นจากการเป็นทาส สวมมงกุฏ 7 แฉก ซึ่ง7นั้นหมายถึงทะเลทั้งเจ็ดหรือทวีปทั้งเจ็ด โครงร่างเหล็กทั้งหมดนั้นถูกออกแบบโดย กุสตาฟ ไอเฟล(ผู้ออกแบบหอไอเฟล) ซึ่งเหล็กทั้งหมดสามารถถอดประกอบได้ ทั้งหมด 350 ชิ้น ค่าใช้จ่ายประมาณ 650,000 ดอลลาร์ !!!

      จนกระทั่งเมื่อปี ค.ศ. 1984 Unescoได้ประกาศให้อนุเสาวรีย์เทพีเสรีภาพ เป็นมรดกของโลก
        เพราะฉะนั้นทุกวันที่ 4 กรกฏาคมของทุกๆปี ชาวอเมริกันจะจัดงานเฉลิมฉลองวันชาติของตน เพื่อนๆพี่ๆน้องๆคนไหนสนใจ ก็เตรียมตัวกันไว้ก่อนได้เลยนะครับ ^o^ จองตั๋วเครื่องบิน และ ที่พักก่อนเลยได้ก็ดีครับ อิอิ

                                                                                    โชคดีทุกท่านครับบบบบบ....!!!!



International Airport Codes

International Airport Codes in USA

» A
     Atlanta, GA (ATL)
     Anchorage, AK (ANC)
» B
     Boston, MA (BOS)  
» C
     Chicago, IL - O'Hare (ORD)
» D
     Dallas, TX - Dallas/Ft Worth Intl. (DFW)
     Denver, CO - International (DEN)
     Detroit, MI - All airports (DTT)
» H
      Honolulu, HI - Island of Oahu (HNL)
      Houston, TX - Intercontinental (IAH)
» I
      Indianapolis, IN (IND)
» L
      Las Vegas, NV (LAS)
      Los Angeles, CA (LAX)
» M
      Miami, FL - International (MIA)
      Minneapolis, MN (MSP)
» N
      New York, NY - Kennedy (JFK)
      Newark, NJ (EWR)  
» O
      Orlando, FL - International (MCO)
» P
     Portland, OR (PDX)
» S
     Salt Lake City, UT (SLC)
     San Diego, CA (SAN)
     San Francisco, CA (SFO)
     Seattle, WA - Seattle/Tacoma International (SEA)
» T
     Tampa, FL (TPA)

        Code เหล่านี้รู้ไว้ก็ดีนะครับ ^o^ เพราะเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับสายการบินหรือซื้อตั๋วเครื่องบินของสายการบินของอเมริกาครับบบบ...

วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2554

วันว่างๆ....ไปเที่ยวรอบโลกกันดีกว่า !!!!
         วันที่แสนจะวุ่นวายในสังคัมปัจจุบัน กับการเรียนและทำงานที่แสนจะเหน็ดเหนื่อย เวลาที่รีบเร่งและแข่งขันอยู่ตลอดเวลา...บางครั้งก็แอบคิดในใจว่า...ถ้าได้ผักผ่อนกับครอบครัวหรือคนที่เรารักสักพัก ในสถานที่ที่แปลกใหม่ ตื่นเต้น และไม่เดิมๆในชิวิต
     แต่คำถามกับตามมาอีกตรึม....แต่คำถามที่จะพูดถึงเลยคือ....แล้วที่ไหนดีหละ ?
    สำหรับที่แรกเลยครับที่อยากจะแนะนำ ซึ่งทุกๆท่านน่าจารู้จักและคุ้นหูกับประเทศนี้เป็นอย่างดี

  
"สหรัฐอเมริกา" คือคำตอบนึงที่สามารถตอบสนองความแปลกใหม่ของเราได้

ก่อนอื่นเลย เรามาทำความรู้จักกับประเทศนี้เบื้องต้นกันก่อนเลยดีกว่า ^o^
ชื่อทางการ :
ประเทศสหรัฐอเมริกา/USA
พื้นที่ : 9,370,000 กิโลเมตร
จำนวนประชากร : 305 ล้านคน
เมืองหลวง : กรุงวอชิงตัน ดีซี
เชื้อชาต : คนผิวขาว, แอฟริกัน-อเมริกัน ,ชนชาติสเปน, เอเชีย ,อินเดีย
ภาษา : ภาษาอังกฤษ และภาษาอื่น ๆ ใช้กันประปราย เช่น ภาษาสเปน
สกุลเงิน : ยูเอสดอลล่าห์
ศาสนา : โปรแตสแตนค์ ,โรมัน คาธอลิค, ยิว, มุสลิม
การปกครอง : สหพันธ์สาธารณรัฐอเมริกา ประกอบไปด้วย 50 รัฐ
      ทีนี้เราก็พอจะรู้จักประเทศนี้กันคร่าวๆแล้วนะครับ....แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านี้หรอกนะครับ ยังมีสิ่งที่น่าสนใจมากมายรอให้นักท่องเที่ยวได้ไปสัมผัส
      แต่อย่างไรก็ตามครับ....คำถามต่อมาหลังจากรู้ว่าไปทีไหนแล้ว..คือ..จะไปยังไงดี

      คำตอบง่ายมากเลยครับ ^^ เดินทางโดยเครื่องบินนั่นเองครับ 555+ จะให้นั่งรถไฟหรือขับรถไปเองก็เป็นไปไม่ได้ แห่ๆ อยากให้ประหยัดค่าใช้จ่าย ก็ควรจะหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก และ โปรโมชั่นตั๋วเครื่องบิน ดีดีๆทีจะช่วยขจัดปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายเราได้มากเลยทีเดียวครับ

      และสื่งที่สำคัญที่สุดในการเข้าแต่ละประเทศนั้นก็คือ  VISA นั่นเองครับ อเมริกาจะเข้มงวดเรื่องนี้มากครับ ถ้าใครหลายๆคนเคยไปแล้วจะทราบดีเนอะ >o< VISA นั้นก็จะแบ่งเป็นอีกหลายประเภทด้วยกันครับ อาทิเช่นหลักๆเลยคือ 
1.
วีซ่าประเภทคนอยู่ชั่วคราว เพื่อวัตถุประสงค์ธุรกิจ สัมมนา เยี่ยมเยียน ท่องเที่ยว นักเรียน หรือผู้เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยน(Work and Travel)


     
ทุกวันนี้นะครับที่เราจะพบเห็นกันมากเลยในการขอ VISA นั่นคือVISAแบบนักเรียนแลกเปลี่ยนหรือที่เรามักเรียกกันติดปากว่า Work and Travel นั่นเองครับ เพราะว่าสามารขอVISAได้นานถึง 4 เดือนเลยทีเดียวครับ

         ที่ประเทศนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายก่ายกองแบบเที่ยวเดือนนึงเต็มๆยังไม่ครบเลยหละครับ....นี่ก็เป็นข้อมูลคร่าวๆนะครับที่เอามาแบ่งปันกัน ไว้คราวหน้าจะนำสถานที่ท่องเที่ยวและเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศสหรัฐอเมริกาที่น่าสนใจมาฝากครับ.....ขอบคุณครับบบบ !!